1.วัชพืชลอยน้ำ (floating weeds)
![]() ชื่อวิทยาศาสตร์ : Eichornia crassipes (Mart.) Solms ชื่อสามัญ : Water hyacinth, Floating water hyacinth วงศ์ : Pontederiaceae ชื่ออื่นๆ : บัวลอย ผักปง ผักตบ ผักปอด ผักป่อง สวะ ผักยะวา ผักอีโยก ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ พืชลอยน้ำ อายุหลายปี ลำต้นสั้น แตกใบเป็นกอ ใบเดี่ยว รูปไข่ หรือเกือบกลม โคนใบเว้าเข้าหาก้านใบ ก้านใบกลมอวบน้ำ ตรงกลางพองออก ภายในเป็นช่องอากาศคล้ายฟองน้ำช่วยให้ลอยน้ำได้ ดอกออกเป็นช่อแบบช่อเชิงลดที่ปลายยอด ดอกย่อย 3 - 25 ดอก มีกลีบรวม ๖ กลีบ กลีบบนสุดขนาดใหญ่กว่ากลีบอื่น และมีแต้มสีเหลืองที่กลางกลีบ เกสรเพศผู้ 6 อัน ผล แบบผลแห้งแตก รูปทรงกระบอก แบ่งเป็น 3 พู เมื่อแก่แตกกลางพู เมล็ดกลมขนาดเล็ก จำนวนมาก การขยายพันธุ์ - ขยายพันธุ์โดยเมล็ด และไหล การป้องกันและกำจัด - การใช้แรงคน แรงสัตว์ เครื่องมือ หรือเครื่องจักรต่าง ๆ เช่น การถก ลาก ดึง ตัก หรือยกผักตบชวาขึ้นจากแหล่งน้ำ ซึ่งเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและสะดวก แต่การปฏิบัติต้องใช้แรงงานมากและต้องมีอุปกรณ์อย่างพร้อมเพรียง - การกำจัดด้วยสารเคมีกำจัดวัชพืช สารเคมีที่นิยมนำมาใช้เพื่อกำจัดผักตบชวา เช่น คลอโรฟีนอคซี (Chlorophenoxy), กลัยโฟเสต (Glyphosate:N-(phosphonomethyl giycine), ไบไพริดิล (Bipyridyl) |
2. วัชพืชใต้น้ำ (submerged weeds) สาหร่ายหางกระรอก |
3. วัชพืชโผล่เหนือน้ำ (emerged weeds) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Typha angustifolia L. ชื่อสามัญ : Cat-tail, Elephant grass, Lesser reedmace, Narrow-leaved Cat-tail วงศ์: TYPHACEAE ชื่ออื่นๆ : กกช้าง กกธูป เฟื้อ ปรือ หญ้าสลาบหลวง ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ธูปฤๅษีเป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ตั้งตรง สูง 1.5-3 เมตรเหง้ากลม แทงหน่อขึ้นเป็นระยะสั้นๆ ใบเดี่ยวเรียงสลับระนาบเดียว ใบเป็นรูปแถบแบน กว้าง 1-2 เซนติเมตร ยาว 2 เมตร ใบแตกสลับกันเป็นสองแถวด้านข้าง มีกาบใบ แผ่นใบด้านบนโค้งเล็กน้อย ส่วนด้านล่างแบน ช่อดอกเป็นสีน้ำตาล ช่อดอกรูปทรงกระบอก แยกเพศบนก้านเดียวกัน ก้านช่อดอกกลม แข็ง ช่วงดอกเพศผู้อยู่ที่ปลายช่อ ยาว 8-40 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร มีใบประดับ 1-3 ใบ แต่จะหลุดร่วงไป ช่วงดอกเพศเมียอยู่ด้านล่าง ยาว 5-30 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร มักแยกออกจากส่วนดอกเพศผู้ด้วยส่วนก้านช่อดอกที่เป็นหมันที่ยาว 2.5-7 เซนติเมตร ดอกมีขนาดเล็ก ไม่มีกลีบดอกและกลีบเลี้ยง เกสรเพศผู้ส่วนมากมี 3 อัน มีขนล้อมรอบ ก้านเกสรเพศผู้สั้น อับเรณูยาว 1.5-2 มิลลิเมตร ดอกเพศเมียมีใบประดับย่อยรูปเส้นด้าย รังไข่รูปกระสวย ก้านรังไข่เรียว ยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร มีขนยาวสีขาว ก้านเกสรเพศเมียยาว 1-1.5 มิลลิเมตร มีขนแต่สั้นกว่าบนก้านรังไข่ ยอดเกสรรูปใบหอก ผลมีขนาดเล็ก รูปรี เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5-3 เซนติเมตร ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ดอกมีจำนวนมาก ติดกันแน่น สีน้ำตาล ลักษณะคล้ายธูปดอกใหญ่ ก้านช่อดอกกลม แข็ง ดอกแยกเพศ แบ่งเป็นตอนเห็นได้ชัด กลุ่มดอกเพศผู้อยู่ปลายก้าน รูปทรงกระบอก กลุ่มดอกเพศเมียรูปทรงกระบอกเช่นกันแต่ใหญ่กว่ากลุ่มดอกเพศผู้ ดอกแก่จะแตกเห็นเป็นขนขาวฟู ผลเล็กมาก เมื่อแก่แตกตามยาว การขยายพันธุ์ : เมล็ดมีขนอ่อนนุ่มปลิวไปตามลมได้ง่าย การป้องกันและกำจัด - ใช้แรงงานคนในการตัดหรือขุดเหง้าขึ้นมา หรือต้องใช้อุปกรณ์อย่างเช่นรถแบคโครเข้ามาช่วย - ใช้สารเคมีฉีดพ่น ซึ่งสำหรับพืชชนิดนี้สารเคมีช่วยได้แค่ชั่วคราว |
4. วัชพืชชายน้ำ (marginal weeds) ชื่อสามัญ : Water clover, Clover fern ชื่อวิทยาศาสตร์ : Marsilea crenata Presl ชื่อวงศ์ : MARSILEACEAE ชื่ออื่นๆ : ผักแว่น(ภาคกลาง เหนือ อีสาน) ผักลิ้นปี่(ภาคใต้) หนูเต๊าะ(ภาคเหนือ,กะเหรี่ยง) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ผักแว่น พบขึ้นอยู่ทั่วไปในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึงประเทศญี่ปุ่น จัดเป็นพืชในตระกูลของเฟิร์นชนิดหนึ่ง ซึ่งมีอายุนานหลายปี แหล่งที่พบว่ามีผักแว่นขึ้นอยู่มักเป็นบริเวณริมน้ำ ในพื้นดินที่มีน้ำขังแต่ไม่ลึกมากนัก หรือโคลนเลน เช่น บริเวณในนาข้าวหรือริมแม่น้ำลำคลอง ในช่วงหน้าฝนผักแว่นจะเจริญงอกงามได้ดี โดยเถาของมันจะเลื้อยไปตามพื้นดินที่เป็นโคลนเลนนั้น ผักแว่นมีลักษณะต้นกลม ตามลำต้นจะมีขนนุ่มๆ สีน้ำตาลอ่อนปกคลุมอยู่ทั่ว ลำต้นจะมีสีเขียวเมื่อยังอ่อนอยู่ แต่จะกลายเป็นสีน้ำตาลเมื่อแก่ ลักษณะของใบเป็นใบประกอบมีรูปร่างคล้ายกังหันหรือใบพัด มีอยู่ 4 ใบ มีขนาดกว้างประมาณ 0.6-1.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 0.8-1.9 เซนติเมตร ผิวและขอบใบเรียบหรือหยักเล็กน้อย โคนใบสอบ เมื่อยังอ่อนใบจะเป็นสีเขียว และจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเมื่อใบแก่ขึ้น มีก้านใบยาวประมาณ 4.5-15 เซนติเมตร มีสปอร์สีขาวรูปทรงรีคล้ายเมล็ดถั่วเขียวอยู่เป็นจำนวนมากภายในบริเวณโคนก้านใบ ซึ่งสามารถนำไปขยายพันธุ์ได้ ซึ่งเมื่อยังอ่อนอยู่สปอร์นี้จะมีสีขาว แต่เมื่อแก่ก็จะกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ส่วนลักษณะของดอกจะมีขนาดเล็ก มีประมาณ 2-3 ดอก มีกลีบดอกสีเหลืองหรือสีม่วง มักออกตามซอกใบ เป็นดอกสมบูรณ์เพศ ผลมีลักษณะเป็นผลแห้ง สามารถแตกออกได้ การขยายพันธุ์ - โดยใช้สปอร์จากใบแก่ และเถาเลื้อยไปปลูกเพื่อให้ได้ต้นใหม่ การป้องกันและกำจัด - ใช้แรงงานคนหรือเครื่องทุ่นแรงในการดึง ถอน - ใช้สารเคมีฉีดพ่น โดยสารเคมีที่แนะนำให้ใช้ได้แก่ มิกซ์คิล 20 (Mixkill 20) (เมทซัลฟูรอน เมทิล + คลอร์ริมูรอน-เอทิล (metsulfuron-methyl + chlorrimuron-ethyl)), |